♣ คือการใช้ชนิดของสารเคมีหรือสารสกัดธรรมชาติที่
♣ ช่วยป้องกันการกัดกร่อนหรือการสึกหรือสลายของวัตถุ
♣ โดยเฉพาะเมื่อถูกตั้งอยู่ในสภาวะที่ชุ่มน้ำหรือต้องมีการสัมผัสกับสารเคมีอื่น ๆ เช่น น้ำเค็ม แก๊ส หรือของเสีย
♣ ซึ่งทำให้ชิ้นงานหรือโครงสร้างที่ได้รับการทาสีกันซึมจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นและไม่ต้องมีการซ่อมแซมบ่อยครั้ง
♣ ประเมินความเหมาะสมและวิเคราะห์สภาพแวดล้อม: การประเมินความเหมาะสมของการใช้งานและวิเคราะห์สภาพแวดล้อมเป็นขั้นตอนสำคัญในการติดตั้งกันซึม เพื่อป้องกันไม่ให้การทาสีกันซึมไม่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และอาจทำให้การติดตั้งไม่สำเร็จ หรือคุณภาพของงานไม่ได้รับการตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐาน
♣ เลือกระบบการทาสีกันซึม: หลังจากการประเมินความเหมาะสมและวิเคราะห์สภาพแวดล้อมเสร็จสิ้น ผู้ใช้บริการจะได้รับการแนะนำระบบการทาสีกันซึมที่เหมาะสมกับงานและสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน
♣ การติดตั้งกันซึมโดยใช้วิธีการทาสีแบบเดี่ยวหรือแบบหลายชั้น โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของวัสดุและสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน
♣ การตรวจสอบความถูกต้องของการติดตั้งกันซึมและทดสอบการทำงานของวัตถุดิบ
♣ ใช้ทาบนพื้นผิวต่าง ๆ ที่มีโอกาสพบเจอการั่วซึมได้สูง เช่น ดาดฟ้า หลังคา หรือแม้กระทั่ง พื้น ผนัง หรือสระว่ายน้ำ ฯลฯ
♣ ป้องกันการซึมผ่านของน้ำและความชื้น ที่อาจทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น เชื้อรา ตะไคร่น้ำ ปัญหาสีลอกล่อน ฯลฯ
♣ สีทากันซึมนั้นสามารถใช้ทาได้ทั้งบนดาดฟ้า หลังคา และผนังอาคาร
♣ ส่วนมากจะใช้กับดาดฟ้าและหลังคาเป็นหลัก เพราะสีทากันซึมมีราคาต่อตารางเมตรค่อนข้างสูง
♣ ส่วนผนังอาคารมักจะใช้วิธีทาสีรองพื้นทนชื้นสูงแล้วทาทับอีกครั้งด้วยสีทับหน้าเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
♣ สามารถทำได้ทั้งในรูปแบบของการทาสีแบบเดี่ยว (single coat)
♣ การทาสีแบบหลายชั้น (multi-coat) โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการใช้งานและความต้องการของผู้ใช้งาน
♣ การใช้สารสกัดจากพืชที่มีส่วนผสมของโพลีเซเลนและซิลิกอน
♣ เพื่อลดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและลดความเสี่ยงในการสัมผัสสารเคมีที่อันตราย
♣ แต่ระบบนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและทดสอบเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของสารสกัดในการทำงานจริง
♣ ดังนั้นการเลือกใช้ระบบการทาสีกันซึมที่เหมาะสมกับงานและสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน
♣ เป็นบริการที่มีหลากหลายรูปแบบและขึ้นอยู่กับลักษณะของงานและวัตถุประสงค์ของผู้ใช้บริการ
♣ บริการนี้มักจะมีการประเมินความเหมาะสมของการใช้งานและวิเคราะห์สภาพแวดล้อม
♣ ก่อนทำการติดตั้งกันซึม เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับการแนะนำระบบการทาสีกันซึมที่เหมาะสมและเหมือนจริงกับความต้องการของงานและการใช้งาน
♣ ตรวจสอบการรั่วซึมจากวัสดุมุงหลังคา
♣ ตรวจสอบการรั่วซึมจากภายนอก
♣ ตรวจสอบการรั่วซึมจากภายใน
♣ ตรวจสอบการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ไม่มีคุณภาพและไม่ได้มาตรฐาน
♣ ในปัจจุบันการออกแบบและการก่อสร้างมีความซับซ้อนมาก การใช้งานอาคารที่ซับซ้อน และมีงานระบบต่างๆ เข้ามาประกอบมากมายทั้งยังมีความต้องการให้อาคารนั้นมีความทนทานมากขึ้นและมีอายุการใช้งานของอาคารยาวนานโดยมีการซ่อมบำรุงน้อย
♣ การติดตั้งระบบกันซึม จึงมีความจำเป็นอย่างมากเพราะน้ำและความชื้นเป็นตัวการสำคัญที่เป็นการทำลายโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กและทำความเสียหายต่อวัสดุตกแต่งและกระทบการใช้งานบางครั้งจำเป็นต้องปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย
♣ อีกเหตุผลโดยเฉพาะในประเทศไทยคือ ประเทศไทยนั้นฝนตก 6 เดือน ตกแรงและมีมรสุม อีกทั้งประเทศไทยมีน้ำใต้ดินสูงและมีน้ำท่วมน้ำขังแทบจะตลอดฤดูฝน เป็นเหตุผลที่ต้องการระบบกันซึมในการป้องกันทั้งน้ำและความชื้น
♣ วัสดุกันซึมชนิดหนึ่งที่มีโพลิเมอร์เป็นส่วนผสมหลัก
♣ สีที่ใช้ทาหรือทำกันน้ำในงานก่อสร้างหรือปรับปรุงบ้าน
♣ มีความยืดหยุ่นอยู่ที่ 500% แต่ก็มีความทนทานต่อการขูดขีดที่ดีเยี่ยม
♣ เป็นการป้องกันการเข้าถึงน้ำและความชื้น เพื่อป้องกันความเสียหายจากน้ำและความชื้นที่อาจทำให้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่อาคารหรือสิ่งก่อสร้างในระยะยาว
♣ สี acrylic-waterproofing มักจะมีความยืดหยุ่นดี
♣ ทนทานต่ออากาศเปลี่ยนแปลง
♣ สามารถต้านการรั่วซึมของน้ำได้ดี
♣ เป็นวัสดุสำหรับงานเคลือบดาดฟ้าหรือคอนกรีตที่มีความยืดหยุ่นตัวสูงสามารถปกปิดรอยแตกร้าว
♣ ทนทานต่อแรงขีดข่วนได้อย่างดี
♣ ช่วยยืดอายุการใช้งานของพื้นผิวคอนกรีตให้ยาวนานยิ่งขึ้น
♣ อะคริลิกกันซึมมีราคาที่ย่อมเยา
♣ อะคริลิกกันซึมเมื่อแห้งแล้ว พื้นผิวจะมีความแข็ง
♣ มีความคงทนดีเยี่ยม โดยสามารถอยู่ได้นานถึง 5 ปีอายุการใช้งานของอะคริลิกกันซึมสามารถใช้งานได้อยู่ที่ราวๆ 5 ปี
♣ อะคริลิกกันซึมมีเฉดสีให้เลือก ให้เลือกหลายเฉดสี ได้แก่ เทา, เทาเข้ม, ขาว, เขียว, น้ำตาล, น้ำเงิน
♣ สามารถยึดเกาะพื้นผิวต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย เช่น หลังคา ดาดฟ้า ผนังก่ออิฐฉาบปูน
ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมพื้นผิว: ควรทำความสะอาดพื้นผิวให้สะอาดหมดสิ่งสกปรกและคราบสนิม และตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นผิวไม่มีรูและรอยร้าว
ขั้นตอนที่ 2 การทาสี: ทาสี acrylic-waterproofing บนพื้นผิวโดยใช้พู่กันน้ำ หรือพู่กันน้ำแบบพริมเมอร์ (primer) และใช้สีระบบสองชั้นโดยทาสีให้แน่นตั้งแต่เริ่มต้น
ขั้นตอนที่ 3 การแห้งสี: ให้สังเกตุระยะเวลาในการแห้งของสี acrylic-waterproofing และให้ให้เวลาในการแห้งตามคำแนะนำของผู้ผลิตสี
ขั้นตอนที่ 4 การทดสอบกันน้ำ: หลังจากสีได้แห้งสนิทแล้ว ควรทดสอบกันน้ำโดยเทสด้วยน้ำหรือการรดน้ำบนพื้นผิวที่ทาสีไว้ และตรวจสอบว่ามีการสั่นสะเทือนของน้ำหรือไม่ หากน้ำสั่นสะเทือนแสดงว่าสีกันน้ำได้สำเร็จ
♣ พื้นที่ฝ้าเพดาน
♣ พื้นที่ผนังภายในหรือภายนอก
♣ การทาสีบนหลังคา
♣ คือกันซึม PU ที่มีเพียงส่วนประกอบเดียวเท่านั้น ไม่มีส่วนผสมของ Hardener กันซึมพียูประเภทส่วนผสมเดียว
♣ จะแห้งตัวจากการสัมผัสอากาศ Air cure และแห้งตัวจากการสัมผัสแสง UV cure
♣ กันซึมดังกล่าว จะมีคุณสมบัติในการป้องกันการรั่วซึมได้ดีกว่า
♣ ป้องกันการรั่วซึมได้ดีกว่ากันซึมแบบยางมะตอย Bitumen Waterproof และกันซึมอะคริลิก Acrylic Waterproof
♣ คือ กันซึมพียูที่ผสม Polyurethane Resin กับ Hardener
♣ จะแห้งตัวโดยการผสม Part A และ Part B เข้าด้วยกัน
♣ โดย Polyurethane Resin จะจับพันธะทางเคมีกับ Hardener
♣ กันซึม Polyurethane ประเภทสองส่วนผสมจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน อายุการใช้งาน 3 – 10 ปี
♣ มีคุณสมบัติในการป้องกันการรั่วซึมได้ดีเยี่ยม สามารถเคลือบกันซึม ที่ความหนาตั้งแต่ 1.0 – 10.0 mm.
♣ ใช้ได้ทั้งดาดฟ้าที่ก่อสร้างใหม่ และงานซ่อมบำรุงดาดฟ้าเก่า
♣ ทนทานต่อน้ำที่ขังตัวอยู่บนดาดฟ้าได้เป็นเวลานาน
♣ มีการยึดเกาะดีกับพื้นผิวหลายประเภท เช่น คอนกรีต, ปูนฉาบ, งานก่ออิฐ เป็นต้น
♣ พื้นผิวเรียบ ไร้รอยต่อ ทนทานต่อน้ำและแสงแดดได้อย่างดี
♣ ทนต่อทุกสภาพอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นอากาศร้อนเย็นหรือฝน
♣ ซ่อมบำรุงง่าย
♣ ทนทานต่อการฉีกขาดและสารเคมี
♣ ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว
♣ ทำตวามสะอาดพื้นผิว ให้สะอาดปราศจากฝุ่นและเศษวัสดุ ถ้าหากมีฝุ่นหรือเศษวัสดุจะทำให้ยากต่อการลงพื้นผิว พื้นผิวต้องแห้งไม่มีสารเคลือบผิวที่ส่งผลต่อการยึดเกาะ จำเป็นต้องทำความสะอาดทุกครั้งไม่ให้มีฝุ่น
♣ การซ่อมแซมที่ 1 หากพื้นผิวมีรอยการแตกร้าวที่กว้างเกินกว่า 0.4 มม. ควรซ่อมแซ่มด้วยการใช้เจียรเปิดรอยแตกเป็นรูปตัววีและยิงด้วย Polyurethane Saetant ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างดี ผู้ปฎิบัติงานความมีแว่นตาในการเจียรทุกครั้ง
♣ การซ่อมแซ่มที่ 2 เกลี่ยผิวให้เรียบทา ยาแนวโป๋วปิดรอยแตก 2-3 รอบ รอให้แห้งไม่ต่ำกว่า 12 ช.ม ขั่นตอนนี้จะใช้ระยะเวลานานหน่อยเพราะต้องรอให้ยาแนวแห้ง ต้องปิดรอย 2-3 รอบ แต่จะทำให้งานออกมาดีและละเอียด ไม่รั่ว
♣ การทารองพื้น การทารองพื้นต้อง เลือกใช้รองพื้นให้เข้ากับพื้นผิวที่เราต้องการติดตั้งกันซึมเพื่อเพิ่มการยึดเกาะให้ดียิ่งขึ้น ถ้าเลือกไม่ดีอาจจะทำให้กันซึ่มไม่ยึดเกาะ ทำให้มีรอยรั่วได้
♣ การติดตั้ง ทาด้วยแปรงลูกกลิ้งหรือพ่นด้วยเครื่องพ่น ทิ้งให้แห้ง 4-12 ช.ม ทาไม่น้อยกว่า 2 เที่ยว สามารถเลือกใช้ได้ทั้งแบบแปรงและแบบเครื่องพ่น แล้วแต่ความถนัดของผู้ใช้งาน
♣ ข้อควรระวัง ควรทาในอุณหภูมิ ระหว่าง 5 องศา -35 องศา เพราะอุณหภูมิต่ำจะทำให้เเห้งช้าและอุณหภูมิสูงจะทำให้แห้งตัวเร็ว และไม่ควรทาหลังฝนตก ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสุดท้ายทีต้องระวังเช่นกัน
♣ กันซึม PU จะทำหน้าที่รับแรงดึงและปกปิดรอยร้าว
♣ ทนทานต่อแสง UV ได้ดี
♣ มีสารช่วยสะท้อนความร้อน
♣ มีค่าทนแรงดึงมากกว่า7 N/mm2
♣ ที่ทนต่อการแตกร้าวของคอนกรีตถึง 2 มม.