Polyurethane waterproofing คือระบบกันซึมที่ใช้โพลียูรีเทน (Polyurethane) เป็นวัสดุหลักในการเคลือบพื้นผิวเพื่อป้องกันน้ำซึม โดยมีคุณสมบัติยืดหยุ่น ทนทาน และสามารถป้องกันน้ำได้ดี มักใช้ในงานก่อสร้างและซ่อมแซมโครงสร้าง เช่น หลังคา ดาดฟ้า ผนังภายนอก พื้นห้องน้ำ และบริเวณที่เสี่ยงต่อการรั่วซึมของน้ำ
คุณสมบัติของ Polyurethane Waterproofing:
- ยืดหยุ่นสูง: โพลียูรีเทนสามารถยืดตัวได้สูง ทำให้รองรับการขยายตัวและหดตัวของพื้นผิวได้ดี เหมาะกับการใช้งานในบริเวณที่มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ
- ป้องกันน้ำซึมได้ดี: ฟิล์มที่เคลือบด้วยโพลียูรีเทนจะกลายเป็นชั้นกันน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง ป้องกันการซึมของน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ทนทานต่อสภาพอากาศ: ทนต่อแสงแดด รังสี UV และความชื้น ทำให้สามารถใช้งานกลางแจ้งได้โดยไม่เสื่อมสภาพง่าย
- การยึดเกาะที่ดี: สามารถยึดเกาะกับพื้นผิวได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคอนกรีต โลหะ ไม้ หรือกระเบื้อง
- บำรุงรักษาง่าย: ทำความสะอาดง่ายและไม่ต้องบำรุงรักษาบ่อย
- ทนต่อสารเคมี: สามารถทนต่อสารเคมีบางประเภท จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการสัมผัสกับสารเคมีบ่อย ๆ
โพลียูรีเทนกันซึม (Polyurethane Waterproof)
⇒ เป็นวัสดุป้องกันการซึมของดาดฟ้าที่มีความยืดหยุ่นตัวสูงสามารถปกปิดรอยแตกร้าวได้ดี
⇒ สารพอลิเมอร์ชนิดหนึ่ง เกิดจากการทำปฎิกิริยากันของสารเคมีหลัก 2 ชนิดด้วยกันมักเรียกสั้น ๆ ว่า กันซีม PU
⇒ ทนทานต่อแรงขีดข่วนได้อย่างดีเยี่ยม พลียูรีเทนได้ถูกใช้ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
⇒ มีอายุการใช้งานนานกว่า 10 ปี
⇒ ใช้ได้กับพื้นผิวคอนกรีตที่ต้องการป้องจากสภาวะอากาศที่รุนแรงและการขูดขีดจากการสัญจร
⇒ ทนต่อน้ำขังและสารเคมี ทนแสง UV
Polyurethane Waterproof(กันซึม) มี 2 ประเภท คือ
1.กันซึมโพลียูรีเทน ประเภทส่วนผสมเดียว
√ คือกันซึม PU ที่มีเพียงส่วนประกอบเดียวเท่านั้น ไม่มีส่วนผสมของ Hardener กันซึมพียูประเภทส่วนผสมเดียว
√ จะแห้งตัวจากการสัมผัสอากาศ Air cure และแห้งตัวจากการสัมผัสแสง UV cure
√ กันซึมดังกล่าว จะมีคุณสมบัติในการป้องกันการรั่วซึมได้ดีกว่า
√ ป้องกันการรั่วซึมได้ดีกว่ากันซึมแบบยางมะตอย Bitumen Waterproof และกันซึมอะคริลิก Acrylic Waterproof
2. กันซึมโพลียูรีเทน ประเภทสองส่วนผสม
√ คือ กันซึมพียูที่ผสม Polyurethane Resin กับ Hardener
√ จะแห้งตัวโดยการผสม Part A และ Part B เข้าด้วยกัน
√ โดย Polyurethane Resin จะจับพันธะทางเคมีกับ Hardener
√ กันซึม Polyurethane ประเภทสองส่วนผสมจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน อายุการใช้งาน 3 – 10 ปี
√ มีคุณสมบัติในการป้องกันการรั่วซึมได้ดีเยี่ยม สามารถเคลือบกันซึม ที่ความหนาตั้งแต่ 1.0 – 10.0 mm.
คุณสมบัติ Polyurethane Waterproof(กันซึม)
⇒ ใช้ได้ทั้งดาดฟ้าที่ก่อสร้างใหม่ และงานซ่อมบำรุงดาดฟ้าเก่า
⇒ ทนทานต่อน้ำที่ขังตัวอยู่บนดาดฟ้าได้เป็นเวลานาน
⇒ มีการยึดเกาะดีกับพื้นผิวหลายประเภท เช่น คอนกรีต, ปูนฉาบ, งานก่ออิฐ เป็นต้น
⇒ พื้นผิวเรียบ ไร้รอยต่อ ทนทานต่อน้ำและแสงแดดได้อย่างดี
⇒ ทนต่อทุกสภาพอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นอากาศร้อนเย็นหรือฝน
⇒ ซ่อมบำรุงง่าย
⇒ ทนทานต่อการฉีกขาดและสารเคมี
⇒ ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว
คุณสมบัติพิเศษ
⇒ กันซึม PU จะทำหน้าที่รับแรงดึงและปกปิดรอยร้าว
⇒ ทนทานต่อแสง UV ได้ดี
⇒ มีสารช่วยสะท้อนความร้อน
⇒ มีค่าทนแรงดึงมากกว่า7 N/mm2
⇒ ที่ทนต่อการแตกร้าวของคอนกรีตถึง 2 มม.
ขั้นตอนการทำกันซึมโพลียูรีเทน
ก่อนทากันซึม ควรปฏิบัติอย่างไร
⇒ ตรวจสอบการรั่วซึมจากวัสดุมุงหลังคา
⇒ ตรวจสอบการรั่วซึมจากภายนอก
⇒ ตรวจสอบการรั่วซึมจากภายใน
⇒ ตรวจสอบการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ไม่มีคุณภาพและไม่ได้มาตรฐาน
⇒ ทำตวามสะอาดพื้นผิว ให้สะอาดปราศจากฝุ่นและเศษวัสดุ ถ้าหากมีฝุ่นหรือเศษวัสดุจะทำให้ยากต่อการลงพื้นผิว พื้นผิวต้องแห้งไม่มีสารเคลือบผิวที่ส่งผลต่อการยึดเกาะ จำเป็นต้องทำความสะอาดทุกครั้งไม่ให้มีฝุ่น
⇒ การซ่อมแซมที่ 1 หากพื้นผิวมีรอยการแตกร้าวที่กว้างเกินกว่า 0.4 มม. ควรซ่อมแซ่มด้วยการใช้เจียรเปิดรอยแตกเป็นรูปตัววีและยิงด้วย Polyurethane Saetant ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างดี ผู้ปฎิบัติงานความมีแว่นตาในการเจียรทุกครั้ง
⇒ การซ่อมแซ่มที่ 2 เกลี่ยผิวให้เรียบทา ยาแนวโป๋วปิดรอยแตก 2-3 รอบ รอให้แห้งไม่ต่ำกว่า 12 ช.ม ขั่นตอนนี้จะใช้ระยะเวลานานหน่อยเพราะต้องรอให้ยาแนวแห้ง ต้องปิดรอย 2-3 รอบ แต่จะทำให้งานออกมาดีและละเอียด ไม่รั่ว
⇒ การทารองพื้น การทารองพื้นต้อง เลือกใช้รองพื้นให้เข้ากับพื้นผิวที่เราต้องการติดตั้งกันซึมเพื่อเพิ่มการยึดเกาะให้ดียิ่งขึ้น ถ้าเลือกไม่ดีอาจจะทำให้กันซึ่มไม่ยึดเกาะ ทำให้มีรอยรั่วได้
⇒ การติดตั้ง ทาด้วยแปรงลูกกลิ้งหรือพ่นด้วยเครื่องพ่น ทิ้งให้แห้ง 4-12 ช.ม ทาไม่น้อยกว่า 2 เที่ยว สามารถเลือกใช้ได้ทั้งแบบแปรงและแบบเครื่องพ่น แล้วแต่ความถนัดของผู้ใช้งาน
⇒ ข้อควรระวัง ควรทาในอุณหภูมิ ระหว่าง 5 องศา -35 องศา เพราะอุณหภูมิต่ำจะทำให้เเห้งช้าและอุณหภูมิสูงจะทำให้แห้งตัวเร็ว และไม่ควรทาหลังฝนตก ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสุดท้ายทีต้องระวังเช่นกัน
พื้นที่ไหนต้องมีระบบกันซึม
⇒ ชั้นใต้ดิน (ผนังและพื้นใต้ดิน)
⇒ สระว่ายน้ำ
⇒ ห้องน้ำ
⇒ ระเบียง ดาดฟ้า หลังคา
⇒ ถังบำบัดน้ำเสีย
⇒ ผนังภายนอก
⇒ พื้นที่อื่นๆ พื้นที่พิเศษ
ทำไมต้องมีระบบกันซึม
คำถามที่ว่าทำไมต้องทำระบบกันซึม ทั้งที่บ้านเก่าสมัยก่อนยังไม่เห็นมีระบบนี้มาก่อน คำตอบคือ ในปัจจุบันการออกแบบและการก่อสร้างมีความซับซ้อนมาก การใช้งานอาคารที่ซับซ้อน และมีงานระบบต่างๆ เข้ามาประกอบมากมายทั้งยังมีความต้องการให้อาคารนั้นมีความทนทานมากขึ้นและมีอายุการใช้งานของอาคารยาวนานโดยมีการซ่อมบำรุงน้อย
การติดตั้งระบบกันซึม จึงมีความจำเป็นอย่างมากเพราะน้ำและความชื้นเป็นตัวการสำคัญที่เป็นการทำลายโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กและทำความเสียหายต่อวัสดุตกแต่งและกระทบการใช้งานบางครั้งจำเป็นต้องปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย
อีกเหตุผลโดยเฉพาะในประเทศไทยคือ ประเทศไทยนั้นฝนตก 6 เดือน ตกแรงและมีมรสุม อีกทั้งประเทศไทยมีน้ำใต้ดินสูงและมีน้ำท่วมน้ำขังแทบจะตลอดฤดูฝน เป็นเหตุผลที่ต้องการระบบกันซึมในการป้องกันทั้งน้ำและความชื้น
พื้นที่เหมาะสมกับการติดตั้งกันซึม PU
การใช้งานของ Polyurethane Waterproofing:
- หลังคาและดาดฟ้า: ใช้เคลือบพื้นผิวเพื่อป้องกันน้ำซึมเข้าสู่โครงสร้างภายใน
- ผนังภายนอกอาคาร: ป้องกันความชื้นและน้ำฝนที่อาจซึมผ่านผนังภายนอก
- พื้นห้องน้ำและระเบียง: ป้องกันน้ำซึมลงสู่ชั้นล่าง ปกป้องพื้นที่ที่มีการใช้น้ำเป็นประจำ
- อุโมงค์และสะพาน: ใช้ป้องกันน้ำซึมเข้าสู่โครงสร้างคอนกรีตที่อยู่ใต้ดินหรือกลางแจ้ง
- สระว่ายน้ำ: เคลือบเพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำจากสระไปสู่พื้นที่โดยรอบ
- พื้นที่ที่มีการรั่วซึม: เช่น ถังเก็บน้ำใต้ดินหรือแทงค์น้ำ
ข้อดีของ Polyurethane Waterproofing:
- ทนทานต่อการใช้งานหนัก: อายุการใช้งานนาน และไม่ต้องการการบำรุงรักษามาก
- ป้องกันน้ำได้ดีเยี่ยม: ช่วยป้องกันความเสียหายจากน้ำที่จะเข้ามาทำลายโครงสร้าง
- ปรับใช้ได้กับหลายพื้นผิว: ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เรียบหรือพื้นที่ที่มีความซับซ้อน
- ทนต่อสภาพแวดล้อม: ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ดี
- ติดตั้งง่าย: สามารถทา พ่น หรือใช้ลูกกลิ้งในการติดตั้งได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ซับซ้อน